Thursday, December 11, 2014

มายา กะ คูเปอร์ น้องใหม่ในครอบครัวจาก AFV shelter

ขอพักเรื่องถ่ายรูปขายไว้ก่อนนะคะ แต่สัญญาว่าจะมาเขียนต่อแน่นอน ช่วงนี้ยุ่งๆ มากค่ะ เพราะรับอุปการะหมาแมวมาใหม่อย่างละตัว แล้วดันเกิดต้องอยู่บ้านคนเดียวนับแต่วันรับหมาแมวพอดีมาจนถึง ณ วันที่เขียนเอนทรีนี้ ทำให้เราต้องรับภาระดูแลแมวเก่า และหมากับแมวใหม่ทั้งหมดไปเต็มๆ หมาแมวใหม่นี่แหละที่ต้องดูแลเยอะหน่อย ตามนี้
- ดูแลไม่ให้แมวเก่าทะเลาะกับแมวใหม่
- ดูแลไม่ให้หมาทะเลาะกับแมว
- ดูแลหมาไม่ให้อึที่ในบ้าน
- ฝึกหมาให้เข้าส้วมตามเวลา
- ฝึกหมาให้รู้จักการนอนในกรง
- ป้อนยาหมาหลังทำหมัน
แมวใหม่ไม่ค่อยดูแลมากเท่าไหร่ แค่ระวังไม่ให้ทะเลาะกับแมวเก่าก็พอ ส่วนเรื่องกินเรื่องส้วม ไม่มีปัญหาอยู่ละ แต่หมานี่ไม่ไหว ต้องฝึก ไม่งั้นอึฉี่ในบ้านเรี่ยราดแน่

แรกเริ่มเดิมทีนี่เราเข้าไปดูเว็บ shelter ใกล้บ้านเพื่อดูเรื่อง volunteer เพราะเราอยากไปเป็นอาสาสมัครที่ shelter เล่าให้สามีฟังเรื่อง shelter เค้าก็ไปเล่าให้ลูกชายฟัง ลูกชายเลยอยากไปดูหมาแมวมาก สุดท้ายก็ไปกันเมื่อวันศุกร์ที่ 28 พย. เพราะเราเพิ่งกลับจากเที่ยว Grand Canyon พอดี เช้าวันศุกร์เปิดเว็บ shelter เช็คเวลาเปิดกับเส้นทาง ปรากฏว่าเจอประกาศ Black Friday ซึ่งลดค่าอุปการะลงซะถูกมาก

ก่อนออกจากบ้าน สามีเรียกเรากะลูกชายมาตกลงกันก่อนว่า ที่จะไปเนี่ย ไม่ได้จะไปเอาตัวอะไรกับมาเลี้ยง ไปดูเฉยๆ แต่หากบังเอิญเจอตัวที่อยากรับเลี้ยงจริงๆ ก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่ได้ตัวอะไรกลับมาแล้วห้ามงอแง พวกเราก็ตกลง แต่เอากรงแมวติดไปด้วย เผื่อได้กลับมาสักตัว อิอิ ที่เอากรงแมวไปด้วยเพราะแฟนบอกว่า ถ้าเจอแมวถูกใจจะเอามาเลี้ยงก็ได้ แต่หมานี่พูดแล้วพูดอีกว่ายังไม่เอาแน่ๆ เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะรับผิดชอบได้ เพราะต้องดูแลมากกว่าแมวเยอะ อย่างเวลาไม่อยู่บ้านหลายวัน จะปล่อยให้อยู่บ้านเองแบบแมวไม่ได้ เป็นต้น

ทางเข้า shelter

ไปถึงด้านหน้าดูไม่ใหญ่นัก ที่จอดรถไม่กว้างขวาง ทางเข้าก็เล็กๆ แอบคิดในใจว่าเล็กจัง พอเปิดประตูเข้าไปก็ยังรู้สึกว่ามันเล็กจัง ตรงกลางทางเดินหลังเข้าประตูมาจะมีสแตนด์เล็กๆ ตั้ง ให้เราลงชื่อเข้าเยี่ยม shelter ข้างๆ กันมีกระดานเขียน Black Friday อยู่ ลดค่าอุปการะหมาตัวละ $50 ลดค่าทำหมัน $50 ส่วนแมวค่าอุปการะตัวละ $5 ลดค่าทำหมันครึ่งนึงเหมือนกัน ขวามือเป็นทางไปห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นห้องกระจกสามห้องที่เชื่อมต่อกัน ข้างในมีแมวให้เราเข้าไปเล่น ทักทายทำความรู้จักได้ บนผนังด้านนอกห้องกระจกจะมีโพรไฟล์แมวแต่ละตัวให้ห้องแปะอยู่ ถัดจากห้อง

black Friday special ที่ shelter ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ เหลือตามป้าย

ถัดจากห้องแมวสามห้องที่ว่าก็เป็นเคาน์เตอร์รับอุปการะ ใครสนใจตัวไหนก็กรอกใบรับอุปการะแล้วรอคิวที่นี่ นอกจากนี้ก็สามารถซื้อ dog license ที่นี่ได้ด้วย ไว้จะเขียนเรื่อง dog license ในตอนต่อไปละกัน

จากนั้นเราก็เดินเลยเคาน์เตอร์รับอุปการะไป ก็เจอห้องกระจกสำหรับเข้าไปเล่นกับแมวอีก 2 ห้อง ห้องนึงเป็นแมวโต เราเข้าไปได้เลย อีกห้องเป็นแมวเล็ก ดูแล้วไม่เกิน 6 เดือน ห้องนี้ล๊อก จนท จะเปิดให้กรณีสนใจจะรับอุปการะจริงๆ เท่านั้น เราคิดว่าแมวคงเล็กไปเลยไม่อยากให้ใคร โดยเฉพาะเด็กๆ เข้าไปเล่นมากเกิน อีกฝั่งของทางเดินตรงกันข้ามกับห้องกระจก ก็เป็นห้องกระจกเหมือนกัน แต่เป็นกรงข้างใน เราดูแมวได้จากข้างนอกเท่านั้น ตรงนี้ล่ะที่เราเจอคูเปอร์ เราเจอกับ จนท ในห้องกระจกแมวโต เค้าเข้ามาถาม เราเลยบอกว่าอยากได้แมวที่ชอบคน เข้ากับแมวด้วยกันได้ง่าย และไม่ชอบแอบตามมุมมืด จนท เลยบอกว่าเค้ามีแมวส้มตัวนึง คุณสมบัติตามนี้เลย แล้วพาเราไปห้องกระจกที่มีกรงอยู่ ซึ่งต้องให้ จนท เปิดให้เท่านั้น พอเข้าไป เค้าก็เอาแมวส้มที่ว่าออกมาจากกรง เราตัดสินใจทันทีว่าจะเอาตัวนี้แหละ ส่วนลูกชายดันไปชอบอีกตัวกรงข้างๆ เพราะขี้เล่น แต่เราดูแล้วน่าจะเข้ากับเอ็นเดอร์ยาก เจ้าส้มนี่ดู calm กว่า เราเลยบอกสามีว่าเราจะเลือกเจ้าส้ม ซึ่งก็คือคูเปอร์นี่เอง

ห้องกระจกที่เป็นกรงแมว

คูเปอร์ของเรา อุปการะมาด้วยค่าธรรมเนียมเพียง $5 และค่าทำหมันลดครึ่งราคา

เสร็จแล้วเราบอกสามีว่า เราขอไปเดินดูหมาหน่อยนะ แล้วก็ย้อนกลับไปทางเคาน์เตอร์รับอุปการะอีกครั้ง ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์มีทางเดินลึกเข้าไป ระหว่างทางเดินเป็นห้องกระจกที่มีน้องหมาอยู่ หน้าห้องมีโพรไฟล์น้องหมาแปะอยู่ ใครสนใจอยากเข้าไปทำความรู้จักกับน้องหมาข้างในห้อง ก็บอก จนท ให้เขาเปิดล๊อกประตูให้

ห้องกระจกสำหรับเยี่ยมน้องหมาด้านใน shelter

ห้องกระจกด้านใน shelter สำหรับเยี่ยมน้องหมา

เราก็เดินเล่นดูน้องหมาจนครบทุกห้อง ก็เดินกลับไปที่ห้องของแมวส้มที่เราจะรับอุปการะ ตรงนั้นมีประตูเดินออกไปด้านนอก ซึ่งข้างนอกนั้น ตรงกลางจะเป็นสถานที่กลางแจ้ง มีกรงใหญ่มากอยู่ 4 กรง และรอบๆ บริเวณนั้นจะเป็นห้องเล็กๆ เรียงกันหลายห้อง แต่ละห้องจะมีกรงหมาอยู่ เราก็เดินเข้าทุกห้อง เพื่อดูหมา ลูกชายก็อยากเล่นกะหมา ซึ่งถ้าเราสนใจหมาตัวไหน เราบอก จนท เพื่อให้เค้าเอามาออกมาให้เราในกรงใหญ่ตรงลานตรงกลางได้ แล้วเราก็จะเข้าไปอยู่ในกรงกับหมาเพื่อทำความรู้จักกัน

กรงในลานกลางแจ้ง เราสามารถเลือกน้องหมาในกรงออกมาทำความรู้จักกันตรงนี้ได้

สามีเราเลือกเยอรมันเชพเพิร์ดตัวนึง อายุ 5 ขวบแล้ว เห็นว่าน่าสงสารที่ต้องมาอยู่ shelter ทั้งที่อายุ 5 ขวบแล้ว ปรากฏว่าบน profile ของหมาตัวนั้นหมายเหตุว่า มีปัญหากับหมาตัวอื่น เพราะงั้นควรเลี้ยงเป็นหมาตัวเดียวในบ้าน ส่วนกะแมว จนท บอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นไง เพราะไม่เคยลอง ปรากฏว่าพอเข้ามาในกรงใหญ่ หมาไม่สนใจพวกเราเลย เอาแต่ไล่เห่าหมาตัวอื่นนอกกรง เห่าทุกต้วที่เค้าเห็น แล้วก็ฉี่รอบกรงเต็มไปหมด สามีเราถึงกับออกปาก เพราะงี้แหงเลยเค้าถึงไม่มีใครอุปการะ

ก่อนจะกลับไปรับอุปการะแมวส้ม ลูกชายบอกเค้าอยากเอาหมาตัวนึงออกมาเล่นด้วย ก็เลยบอก จนท ปรากฏว่าหมาตัวนี้คุณสมบัติดีทุกอย่าง ลูกชายก็เอาแต่พูดว่าพ่อต้องรับเลี้ยงหมาตัวนี้นะ สามีพูดหลายครั้งหลายหนว่ายังไงๆ วันนี้ก็ไม่รับเลี้ยงหมาแน่ๆ กลับกลายเป็นว่า พอออกจากกรง เค้าขอใบรับอุปการะจาก จนท เพื่อกรอกรับหมาตัวนี้ ซึ่งหมาตัวนี้ก็คือมายานั่นเอง

ห้องหมาด้านนอก shelter ที่มีกรงอยู่ข้างใน ในรูปนั่นคือมายา

พอได้ใบรับอุปการะก็ไปนั่งรอคิวเพื่อทำเรื่องอุปการะที่เคาน์เตอร์ เราก็ถามสามีว่า ใบอุปการะแมวก็ต้องเอาต่างหากใช่มั้ย สามีก็บอก เราจะรับเลี้ยงหมาแล้ว เค้าจะไม่รับเลี้ยงแมวด้วยในวันนี้หรอก เราเหวอเลย อ้าว ตอนแรกคุยกันดิบดีว่าจะรับเลี้ยงคูเปอร์ พอลูกชายร้องจะเอาหมาดันเอาหมาซะงั้น ทั้งที่ตัวเองก็พูดแล้วพูดอีกว่าไม่พร้อมเลี้ยงหมา เราเลยนอยด์ไปเลย อยากกลับบ้านละตอนนั้น ลูกชายชวนเดินไปดูหมาก็ไม่ไป แบบว่า หมดธุระกะที่นั่นแล้วไรงี้ รอพักใหญ่มากๆ กว่าจะถึงคิว ระหว่างนั้นเราก็ไปยืนดูแฟ้้ม lost and found dogs and cats หนาเตอะมากๆ แฟ้มหมานี่หนากว่าแมวสามเท่า คือถ้าใครหมาแมวหายหรือใครเจอหมาแมวก็สามารถเอาประกาศไปใส่แฟ้มได้

สักพักนึงลูกชายเอาปลอกคอแมวมาให้เรา เราก็งงว่าเอามาทำไม สรุป คือ สามีเรารับเลี้ยงทั้งหมาและแมว แล้วแมวทำสัญญาเสร็จแล้วก็ได้ปลอกคอมา ซึ่งมี tag ซึ่งมีข้อมูล ID ของแมวตาม database ของ shelter กับเบอร์โทร shelter บน tag ด้วย ส่วนหมาต้องรอ จนท มาทำ yard check ที่บ้านก่อน แล้วถึงจะทำสัญญาได้ เลยต้องรอวันรุ่งขึ้น ส่วนของคูเปอร์นั้น ทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว ทาง shelter ก็เลยนัดทำหมันกับ clinic ของ shelter ให้เรียบร้อยซึ่งต้องรอวันจันทร์ถัดไป เราก็เลยกลับบ้านตัวเปล่ามารอรับคูเปอร์ที่คลีนิควันจันทร์ แล้ววันรุ่งขึ้นก็มาทำสัญญารับอุปการะมายาหลัง yard check ผ่าน

วันรุ่งขึ้นเราก็กลับไปที่ shelter อีกครั้งเพื่อทำสัญญารับอุปการะหมา นัดวันทำหมันได้วันอังคาร เพราะวันจันทร์คิวเต็มแล้ว เลยกลายเป็นว่าเราต้องขับรถมารับแมวกะหมาที่คลีนิคสองรอบ ทำสัญญารับอุปการะหมาเสร็จก็กลับบ้านมารอด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นก็ไปช้อปปิ้งซื้อของใช้หมา หมดไป $500 ไม่รวมอาหาร -_- ของแมวไม่ต้องซื้อเพราะมีหมดแล้ว

ตอนต่อไปมาเล่าตอนไปรับหมาแมวที่คลีนิคละกันเนาะ

No comments:

Post a Comment

All contents and pictures in this blog is copyrighted@2009 by monkey-girl. All right reserved.

Back to TOP