Friday, September 13, 2013

เรียน ESL ฟรีที่ college ใกล้บ้าน รู้จักกับ ESL และการสมัครเรียน

เริ่มจากตอนย้ายมาอเมริกาใหม่ๆ แฟนเอาหนังสือคล้ายๆ แคทตาล๊อกมาให้เล่มหนึ่ง ซึ่งฮีได้มาจาก mailbox รวมๆ มากับพวกโบรชัวร์โฆษณาขายสินค้าต่างๆ เปิดดูเป็น class schedule ของ sdce.edu ซึ่งเป็นเครือข่าย college ในเขต San Diego City ที่เค้ารวมตัวกันเปิดหลักสูตรฟรีให้คนทั่วไปได้เรียน มีราวๆ 10 แคมปัสได้ และมีแคมปัสนึงใกล้บ้าน เดินไป 10-20 นาทีถึง หลักสูตรฟรีที่มีส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตรที่เป็นทักษะในการประกอบอาชีพ เช่น accounting, computer, sewing, photography, photography software และนอกจากนี้ก็มีหลักสูตรเตรียมสอบ citizen และหลักสูตรใหญ่ๆ อย่าง ESL (English as Second Language) ที่คนต่างชาติมาอยู่อเมริกาโดยมากจะรู้จักและอยากไปเรียนกัน

ตอนนั้นเรามีแพลนจะกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ไทย 3 เดือน เลยยังไม่อยากลงเรียน อีกทั้งแฟนก็บอกว่า เกิดได้งานระหว่างเรียนขึ้นมาจะทำยังไง ไปเรียนก็ต้องไป เดี๋ยวก็อดได้งาน อะไรประมาณนั้น เหมือนฮีไม่อยากให้เราเรียนเท่าไหร่ ตอนนั้นเราเลยเลิกสนใจไป จนกระทั่งเยี่ยมบ้านที่ไทยเรียบร้อย 3 เดือน กลับมาเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมา fall semester กำลังจะเปิดเดือน ก.ย. และได้แคทตาล๊อกเล่มใหม่จาก mailbox ในเดือน ส.ค.

class schedule ที่ส่งมาที่ mailbox เราค่ะ

รายละเอียด ESL ในเล่ม

รายชื่อคลาสและตารางเรียนหน้าแรก

รายชื่อคลาสและตารางเรียนหน้า 2

พอได้ class schedule เล่มใหม่มาก็อยากลองไปเรียนดูมาก เริ่มเปิดเรียน 3 ก.ย. ที่ผ่านมา ทีนี้เรามาดูกันก่อนว่า ESL มีอะไรให้เรียนบ้าง

รู้จักกับ ESL
ESL เป็นสถาบันสอนภาษาสำหรับคนที่ไม่ได้เป็น native english speaker เพื่อให้พูดภาษาอังกฤษและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ ไม่ว่าจะเพื่อการสื่อสารส่วนบุคคล เพื่อใช้ในการทำงาน หรือเพื่อปรับภาษาเพื่อนำไปใช้ศึกษาต่อ

คลาสที่ ESL มี คือ (จากคอลเลจใกล้บ้านเราที่เราไปมานะคะ)
- General class เป็นคลาสที่คนส่วนใหญ่รู้จักและไปเรียนกัน มีการจัดระดับตามความสามารถทางภาษาของผู้เรียน โดยจะมีการทดสอบเพื่อจัดระดับก่อนเข้าเรียน อันนี้จะสอนเน้น writing และ reading
- Special class มีหลายๆ คลาส มุ่งเน้นไปที่ทักษะด้านใดด้านหนึ่ง เช่น writing class, grammar class, pronunciation and conversation class, english for career เป็นต้น

เราบอกแฟนว่าอยากไปทดสอบดู และอยากเรียน เราจะได้มั่นใจในการใช้ภาษาของเรามากขึ้น ฮีก็ถามกลับมาว่า ยูอยากไปนั่งเรียนแกรมม่าเหรอ แกรมม่ายูดีอยู่แล้ว ยูแค่ต้องพูดคุยให้มากขึ้นจะได้ฟังคล่องพูดคล่องกว่านี้ เราเลยบอกแฟนว่างั้นเดี๋ยวเราลองไปดูอีกทีว่า ESL มีอะไรให้เราเลือกเรียนได้บ้าง จะได้เลือกอันที่น่าจะมีประโยชน์กับเราที่สุด

เราเปิด class schedule ดูแล้ว ก็ตัดสินใจจะเรียน pronunciation/conversation class ซึ่งก็มีการแบ่งเป็นระดับๆ เช่นกัน ในหนังสือ class schedule บอกว่า special class ทั้งหลายไม่ต้องทำการทดสอบ ให้เข้าเรียนได้เลยตามเวลาที่ีระบุใน class schedule ซึ่งเปิดเรียนวันที่ 3 ก.ย. แต่เราเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ของเราถึงมันจะเป็น special class แต่มันก็มีการแบ่งเป็นระดับๆ เหมือนกัน แล้วจะต้องทดสอบก่อนหรือเปล่า เราโทรไปตามเบอร์ที่อยู่ใน class schedule ก็ปรากฏว่าเป็นแค่ระบบตอบรับ ถามอะไรใครไม่ได้ เลยลองไปเปิดเว็บไซต์ดูก็ได้มาอีกเบอร์ โทรไปถาม เค้าบอก วันที่ 3 ก.ย. เวลา 8:30am ให้เราไปติดต่อที่ห้อง 302 ซึ่งเป็น ESL office ของ college ที่เราจะไป เพื่อไปทำการทดสอบวัดระดับก่อนเข้าเรียน ซึ่งตรงนี้ยอมรับว่างงๆ มากกับข้อมูลของที่นี่ ว่าตกลงยังไงกันแน่ class schedule บอกอย่างนึง โทรถามก็บอกอีกอย่างนึง เราเลยคิดว่า เอาวะ 3 ก.ย. ที่จะถึงนี้ลองไปถามถึงที่เลยละกัน

การสมัครเรียนที่ ESL
พอถึงวันที่ 3 ก.ย. แต่เราไปถึง 9 โมงนิด เพราะที่หาข้อมูลมา ออฟฟิศจะเปิดทำการตั้งแต่ 8:30am - 11:30am เลยคิดว่าไม่น่าจำเป็นต้องไป 8:30 เป๊ะ เรื่องของเรื่องคือไปเดินหลงอยู่ใน college พักนึงอะ แหะๆ

พอไปถึงที่ห้อง 302 ก็เจอคนต่อคิวรอยาวอยู่หน้าห้อง เราเลยเดินเข้าไปต่อคิวด้วย ก็มี จนท. ออกมาคุยด้วยตามคิว พอถึงคิวเรา เราก็เปิด class schedule ให้เค้าดู ว่าเราอยากเรียน pronunciation class เค้าก็บอกว่า คลาสที่เราต้องการเป็นคลาสบ่าย และมันเต็มเกือบหมดแล้ว ถ้าเราจะเรียน อย่างแรกที่ต้องทำคือ มาสอบวัดระดับ และเค้าจะเอาชื่อเราเข้า waiting list ไว้ และจะโทรเรียกเรามาเรียนเมื่อมีที่นั่งว่าง จากนั้นเค้าก็ให้บัตรนัดสอบกับเรามา โดยจะต้องมาสอบวันที่ 11 ก.ย. 8:30am

เช้านี้ 11 ก.ย. เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาให้ทัน 8:30 น. ทั้งที่เมื่อคืนเดินทางกลับมาจากลาสเวกัสก็ดึกแล้ว ไปถึงออฟฟิศยังไม่เปิด เลยยืนรออยู่หน้าห้อง เราเป็นคนแรกที่ไปถึงเลย จากนั้นก็มีคนมาต่อแถวหลังเรา พอ 8:30am จนท. ก็ออกมาแจกหมายเลขตามลำดับที่เข้าคิวให้ และให้ทุกคนเข้าไปข้างใน จนท. แจกแบบฟอร์มให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว เราไม่ได้ถ่ายรูปแบบฟอร์มมา แต่จะเล่าให้ฟังละกันว่าต้องกรอกอะไรบ้าง

ในแบบฟอร์มจะมีให้กรอกชื่อ นามสกุล เบอร์โทร อีเมล์ ข้อมูลว่าเราอยู่อเมริกามากี่ปี เราเรียนภาษาอังกฤษมากี่ปี ตลอดชีวิตเราเราเรียนมาทั้งหมดกี่ปีนับแต่เริ่มเข้า รร. เรามาเรียน ESL เพื่ออะไร ประมาณนี้ ระหว่างที่กรอก จนท. ก็มาอธิบายว่าที่ college ที่เราไปนั้นมีคลาสอะไรให้เลือกเรียนบ้าง ดังนี้
วันธรรมดา มี 3 รอบ
- morning classes: 8:30am-11:30am เป็น general class เรียน writing/reading เป็นหลัก
- afternoon classes: 11:45am-1:45pm เป็น Pronunciation/Conversation ที่เราต้องการเรียน และ English for career
- evening classes: 6pm-9pm รวมมิตรทั้ง reading/writing/conversation
และวันเสาร์ 1 รอบ มีสอน beginning กับ advanced pronun/conv และ citizenship class

ตารางเรียนของแคมปัสที่เราไปมาค่ะ หน้าแรกเป็น morning classes กับ afternoon classes

ตารางเรียนหน้า 2 เป็น evening classes กับ saturday classes ค่ะ

พอกรอกแบบฟอร์มเสร็จ จนท. ก็จะมาถามรายตัวว่าเลือกรอบไหน เราเลือกรอบบ่ายเค้าเลยให้เรารอก่อน และไปจัดการกับคนที่เลือกรอบเช้าก่อน เห็นเค้าพาออกนอกห้องไปทีละคน จนเหลือไม่กี่คนในห้องนั้น จากนั้นเค้าก็มาพาเราไปอีกห้อง เป็นห้องเล็กๆ ในห้องนั้นอีกที แล้วเอาแบบฟอร์มที่เรากรอกไว้ไปอ่าน แล้วก็ทำการสัมภาษณ์เราโดยการถามว่า (เล่าเท่าที่จำได้นะ)
ถาม: ยูมาจากไหน
ตอบ: ไทยแลนด์
ถาม: ยูเรียนภาษาอังกฤษมากี่ปี
ตอบ: 12 ปี
ถาม: ยูเรียนจบมัธยม หรือคอลเลจมา
ตอบ: ไอจบมหา'ลัย
ถาม: (ทำหน้าแบบโห จบมหา'ลัย) จบเมเจอร์อะไรมา
ตอบ: รัฐศาสตร์
ถาม: ยูภาษาอังกฤษดีมากนะ (จากนั้นจำได้ว่าเค้าน่าจะถามเกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่เราเรียนมาหรือถามเกี่ยวกับไมเนอร์เราตอนมหา'ลัยนี่แหละ จำไม่ได้)
ตอบ: ไอเรียนภาษาอังกฤษเป็นไมเนอร์
ถาม: แล้วยูมานี่มาเรียนต่อหรอ
ตอบ: เปล่า ไอแต่งงานแล้วก็ย้ายมา
ถาม: โอ้ ไอจัดให้ยูอยู่ระดับนี้นะ (เอาปากกาจิ้มที่ระดับสูงสุด คือ 6-7) แต่ไอจะเช็คระดับนี้ (เอาปากกาเขียนคลุมระดับ 5 และ 6-7) ให้ด้วยว่ามีที่นั่งว่างหรือเปล่า เพราะคลาสค่อนข้างเต็ม
ตอบ: โอเค



จากนั้นเค้าก็ให้เราออกจากห้องเล็กๆ นั่นมานั่งรอที่เดิม สักพักเค้าก็ถือแฟ้มมา 2 แฟ้ม เปิดให้เราดูรายชื่อระดับ 6-7 ปรากฏว่ามีรายชื่อใน waiting list อยู่แล้ว 5 คน เค้าก็เลยเปิดแฟ้มระดับ 5 มาดู ปรากฏ waiting list มี 10 กว่าคน เค้าเลยกลับมาที่ระดับ 6-7 แล้วใส่ชื่อเราต่อท้าย แล้วบอกให้เรากลับบ้านไปรอเค้าโทรเรียกมาเรียนเมื่อมีที่นั่งว่าง

ก่อนกลับเราถามเค้าเรื่องคลาสวันเสาร์ เพราะเค้าบอกว่ายังว่างอยู่ เค้าก็บอกเสาร์ที่จะถึงมาก็มาเข้าเรียนได้เลย ที่ห้องตรงนู้น (ชี้ให้เราดูห้องเรียน) โดยให้เราเข้าเรียนห้องระดับ advanced ซึ่งเป็นคลาส pronun/conv เหมือนกัน เราเลยว่าเสาร์นี้จะลองไปเข้าเรียนดู คิดดูก็ดีเหมือนกัน เพราะเรียนอาทิตย์ละครั้งเอง ในขณะที่คลาสวันธรรมดาต้องเรียนทุกวันจันทร์ถึงศุกร์



No comments:

Post a Comment

All contents and pictures in this blog is copyrighted@2009 by monkey-girl. All right reserved.

Back to TOP